บททดสอบ Ford Ranger เครื่องยนต์ 2.0L เทอร์โบคู่ 213 แรงม้า
ณ เวลานี้ New Ford Ranger เป็น ปิกอัพที่ไร้เทียมทาน...หาตัวจับยากมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่างหน้าตา ที่ดูดุดัน รูปทรงที่บึกบึน แค่นี้ก็พอที่จะทำให้ แฟนพันธ์แกร่งของ Ford เฉลียวหลัง จ้องตาเป็นมัน ยังไม่รวม เทคโลยีต่างๆ ที่ Ford บรรทุกมาเต็มพิกัด
New Ford Ranger กระบะพันธ์แกร่งคันนี้ หลังจากที่ได้ไปทดลองขับมา ...บอกได้คำเดียวว่า มันเป็นปิกอัพที่ครบเครื่องมากๆ จนบางครั้ง...ลืม!!! คิดว่า กำลังขับ Ford Everest หรือ SUV หรูๆ อยู่ เพราะว่ามันหรูหรามากๆ ไม่เหมือน ปิกอัพ ทั่วๆไป
แต่การออกแบบ และจัดวาง ภายในห้องโดยสาร ลงตัวไม่มีอะไรที่ดู เขอะเขิน ทุกสิ่งเรียบหรูดูดีไปซะทุกอย่าง อุปกรณ์ต่างๆ ควบคุมสะดวกและใช้งานง่าย มาตรวัดต่างๆ อ่านง่ายๆ...เรียกว่า เบสิกเลย ขอแค่ทำความเข้าใจกับมันสักนิดนึง แล้วทีนี้ ระบบ การทำงานต่างๆ ที่เริ่มต้นดูเหมือนจะยุ่งยาก ขอแต่เข้าใจ แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะง่ายไปหมด
บอกตรงๆว่า ครั้งแรกที่ เข้าในนั่ง อยู่หลังพวงมาลัย ผมก็คิดว่ามันก็เหมือนๆ Everest แต่หรูหรามาก สำหรับรถปิกอัพ พอได้ลองขับ พร้อมๆกับ การใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ของ Rangen ใหม่
ถึงกับต้องตะลึง.... ”ระบบอะไรว่ะ แบบนี้ก็มีด้วยหรอ..!” หัวข้อ สนมนา เกิดขึ้นมาในรถทันที นี่มันไม่ใช่เล่นๆแล้วนะ ถ้าทำมาแบบนี้ แล้ว ยี่ห้ออื่นเค้าจะต้องทำรถแบบไหนมาถึงจะขายได้กันล่ะ ครบเครื่องมากๆ ทั้งประหยัด ทั้งแรง แถมเทคโนโยลี ปกป้อง และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ เพียบ..!
Performance
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ อันนี้ล้ำมาก เป็นระบบเกียร์แบบทอร์คอนเวอเตอร์ฟังดูแล้ว เฮ้ย...นี่มันเกียร์เก่านี่หว่า ใช่ครับ ระบบเก่าที่เลิกใช้ไปหลังจาก ที่ เกียร์ แบบ CVT เกิด แต่วันนี้ เกียร์อัตมัติ แบบทอร์คคอนเวอเตอร์ถูกพัฒนากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ธรรมขาติของระบบเกียร์แบบทอร์คอคนเวอเตอร์มีความทนทาน แต่ การเปลี่ยนไม่ค่อยนุ่มนวล(ในอดีต) แต่วันนี้ จังหวะการเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลเหมือนเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT แต่ทนทานกว่าเยอะ
เป็นระบบเกียร์ที่ชาญฉลาด และอย่า...เพิ่งคิดนะ ว่าอัตราทดเกียร์มันต้องชิด...ละเอียดถี่ยิบ เกียร์เปลี่ยนขึ้น-ลงไปมาตลอดเวลา ไม่ใช่...อย่าที่คิด ครับ
ถ้าคุณคิดว่าจะซื้อ Ranger ใหม่ คันนี้ หรือ กำลังเล็งๆ Rapter อยู่ล่ะก็..!? ไม่ควรพลาด ข้อมูลบรรทัดต่อไปนี้ เพราะถ้าหากว่าคุณได้ลองสัมผัสกับ ระบบ เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ตัวนี้แล้ว คุณจะหลงใหล และสนุกสนานไปกับการขับรถ
โดยมันมีสมองกลที่คอยนับจังหวะการเหยียบคันเร่ง เรียนรู้สไตล์การขับขี่ ของแต่ละคน แล้วประมวลผลออกมา ทีนี้พอระบบเกียร์มันรู้แล้วว่าคุณมีสไตล์การขับขี่แบบไหน จากนั้นมันจะเปลี่ยนเกียร์ไปตามสไตล์ของคุณ โดยจะไม่ไล่ตามจังหวะเกียร์ แต่จะทำงานตามจังหวะการขับขี่ อาทิ ออกตัว เริ่มที่ เกียร์ 1 แล้วกระโดดไป เกียร์ 3 เกียร์ 5 หรือ จาก 1 ไป 2 ไป 4 ไป 6 ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับสไตล์การขับขี่ ดังนั้น การเปลี่ยนเกียร์ ขึ้นอยู่กับ ปัจจัยหลายอย่าง เช่น การขับขี่, ความเร็ว และ การกระแทกคันเร่ง ฯลฯ
โอเวอร์ไดร์ฟ มีมั้ย..?
โดยทั่วไปแล้ว ระบบเกียร์จะมีเกียร์โอเวอร์ไดร์ฟ อยู่ที่เกียร์สุดท้าย เป็นต้น เกียร์อัตโนมัติ แบบ 5 สปีด เกียร์โอเวอร์ไดร์ฟจะอยู่ที่เกียร์ 5 เพื่อช่วยให้การขับขี่ วิ่งทางไกล ไม่กินน้ำมัน อัตราทดจะน้อยไหลๆ วิ่งยาวๆ ความเร็วสูง...รอบเครื่องยนต์ต่ำ นั่นหมายความว่า ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
แต่ เกียร์อัตโนมัติของ Ranger นี้ มี เกียร์โอเวอร์ไดร์ฟ ถึง 3 เกียร์ ด้วยกัน คือ อยู่ใน เกียร์ 8 , 9 และ 10 นั่นหมายความว่า นอกจากขับขี่สนุกแล้ว เกียร์สูงยิ่งประหยัด
อ่อ...ระบบเกียร์ 10 จังหวะ, 10 เกียร์ หรือ 10 สปีด คุณอาจจะคิดว่า ถ้าการเดินทางแบบขึ้นเขาสูงชั้น เลี้ยวลดคอเคี้ยวล่ะ อัตราทดมันทำงานทันมั้ย และ จะได้เรื่อง...รึป่าว..!?
หมดห่วงไปได้เลยครับ เพราะว่า เกียร์มันมีระบบ ที่คุณสามารถเลือกได้เองว่าจะให้เกียร์ทำงาน แค่กี่เกียร์ ตัวอย่าง ในทางลาดชัน ขึ้นๆ ลงๆ ที่ต้องการ การขับขี่ที่สนุกสนาน อัตราเร่งมาไวๆ เหมือนขับรถเกียร์ธรรมดา มีเลย โหมดนี้ ผู้ขับขี่สามารถล็อคให้เกียร์ ทำงานแค่ เกียร์ 1-2 หรือ 1-2-3 เลือกได้ ตามต้องการ แล้วแต่...ใจสั่งมา (แอบบอก...! โหมดนี้ขับสนุกมากๆ)
เครื่องยนต์ใหม่ 2.0 ลิตร หรือ 2,000 ซี.ซี. Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) 213 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ได้รับการพัฒนาให้มีพละกำลัง ทั้งแรงม้า และแรงบิด สูงขึ้นอย่าน่าตกใจ แต่ กลับมี ซี.ซี. ลดลง ดูมันช่างย้อนแย้ง แต่พละกำลังนั้นมาจาก เทอร์โบคู่
หลักการทำงาน ของ Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) คือ มีเทอร์โบทำงานแยกกันอิสระ หน้าที่ของ เทอร์โบลูกเล็ก(ตัวแรก) จะทำงานอย่างเต็มที่ ในช่วงรอบต้น(Low Pressure) คือ ตั้งแต่ 0-1800 RPM (ความเร็วรอบต่อนาที) เพื่อให้ได้อัตราเร่งในขณะออกตัว ที่รวดเร็ว ไม่อึด หรือ รอรอบ
และจากนั้นในรอบกลาง เทอร์โบจะทำงาน พร้อมกับทั้ง 2 ตัว พร้อมกัน จากลูกเล็กที่สร้างแรงดัน ส่งต่อให้ลูกใหญ่ ช่วงความเร็วรอบกลางนี้ เทอร์โบจะทำงานพร้อมกัน ทั้ง 2 ลูก เหมือนๆกับ VG Turbo แต่แรงดันมากกว่าเยอะ เพราะทำพร้อมกันทั้ง 2 ลูก แต่แบบ เบาๆ ไม่หนักหน่วงมาก แต่ก็พอจะน๊อคคู่แข่งได้...อิอิ (ความเร็วรอบอยู่ที่ 1800 – 3000 RPM)
เทอร์โบลูกใหญ่ จะทำงาน ในช่วงความเร็วรอบสูง 3000 RPM เป็นต้นไป และช่วงนี้เทอร์โบลูกเล็ก จะหยุดทำงาน ปล่อยให้ลูกใหญ่ทำงานแทน โดยทั้งเครื่องยนต์ และระบบเกียร์ จะทำงานผสานกัน เพื่อให้ได้อัตราเร่ง ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ และทั้งหมดทั้งมวลนี้ได้มาซึ่ง แรงม้า และ แรงบิดสูง ที่สูง ซึ่งข้อดี คือ ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ตอบสนองการขับขี่ดี แถม...ภาษีรายปีถูกลง จากเดิม ปิกอัพ 4 ประตู เครื่อง 3.2 ภาษีประมาณ 8-9000 บาท / ปี ถ้าเป็นเครื่อง 2.0 Bi-Turbo ภาษีเหลืออยู่ประมาร 3-4000 บาท ไม่เกิน และที่สำคัญ แรงม้า กับ แรงบิด เยอะกว่า
มาดูเครื่องยนต์กันอีกสักนิดนึง เครื่องยนต์ใหม่ เทอร์โบคู่ ขับไปเลย ไม่ต้องกลัวพัง ลูกสูบไม่ทะลุ แน่นอน เพราะว่า ลูกสูบเค้าใช้ อลูนิเนียมหล่อเสริมความแข็งแรงที่หัวลูกสูบดับเบิ้ลเข้าไป ยืนยันว่า แข็งแรงทนทานแน่นอน หัวฉีดใหม่ แบบ 8 รู เพิ่มจากเดิมที่เป็นแบบ 6 รู ช่วยให้น้ำมันฉีดเป็นฝอยละอองได้ดี ช่วยในเรื่องการเผาไหม้ แรงดันในรางหัวฉัด 2200 Bar (14.7 ปอนด์/ตารางนิ้ว = 1 บาร์) เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่อง ดันราง
เส้นทางที่ใช้ในการทดสอบ New Ford Ranger ทริปนี้ใช้เส้นทางของ จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ทดสอบสมรรถนะการขับขี่ เพราะเส้นทางการขับขี่ นั้น มีทั้ง ไฮเวย์ และทางลูกรัง ถนนหนทางที่ทุระกันดาร ซึ่งสามารถทดสอบอัตราเร่งแซง การตอบสนองของช่วงล่าง การความคุมพวงมาลัย การตอบสนองของระบบเกียร์ ทั้งบนไฮเวย์ และ การปีนป่ายในทางที่ลาดชัน
ต้องบอกว่า Ranger ใหม่ เป็น ปิกอัพ ที่ขับสนุกมากๆ อัตราเร่งแซง หายห่วง ไร้ความกังวล กลัวไม่พ้นหรอ..ลืมไปได้เลย เครื่องยนต์ และ เกียร์ตอบสนองการขับขี่ได้ดีมากๆ แค่กดคันเร่ง เกียร์เปลี่ยนรอทันที จังหวะเปลี่ยนเกียร์นุ่มนวล สมูลท์ไหลลื่นดีมากๆ
ได้นั่งหลังพวงมาลัย แล้วเป็นผู้ขับขี่ ยิ่งประทับใจ ทั้งในเรื่องของพละกำลังแล้ว พวงมาลัยคมกริป...แม่นยำจริงๆ ทำให้การขับขี่ปลอดภัย มั่นใจมากยิ่งขึ้น แม้ในช่วงที่เข้าโค้งด้วยความเร็วก็ตาม พวงมาลัย ควบคุมง่าย รถไม่มีอาการโยน หรือ เหวี่ยง ให้รู้สึกมึนหัว ทั้งพวงมาลัยที่แม่นยำ และช่วงล่างที่ดูดซับแรงกระแทก แรงเหวี่ยง ทำให้การเดินทางในวันนั้น ไม่รู้สึกว่ากังวัล แม้ว่า ตลอดเส้นทางจะมีฝนตกมาตลอดก็ตาม รถถึงจะเป็นปิกอัพ แต่ขอบอกว่า เกาะถนนมากๆ จนบางครั้ง คิดว่า Sport SUV
และในช่วงที่วิ่งขึ้น ดอยแม่สลอง เป็นช่วงที่พวกเราจะได้สัมผัสการ และทำความรู้จัก กับ ระบบเกียร์ มากยิ่งขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่เราได้ ทดสอบ โหมดการทำงานของเกียร์ หลากหลายแบบ แต่ที่ชอบ คือ โหมด ที่สามารถล็อคให้เกียร์ ทำงานอยู่ในแบบที่เราต้องการ ผมเลือก แบบ 1-2-3 คือ ให้เกียร์ เปลี่ยนไปมา แค่ เกียร์ 1 เกียร์ 2 และ เกียร์ 3
จังหวะที่เราต้องการกำลัง และ อัตราเร่ง เกียร์จะชิพลงมาที่ เกียร์ 1 แล้วเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ไปที่ 2 ลากยาวๆ ขึ้นไปที่เกียร์ 3 ไม่เกินนี้ ต่อให้ทางชันมากแค่ไหน เกียร์ก็จะไม่เปลี่ยนไปมากกว่านี้ ....ชลอเข้าโค้ง เกียร์จะเปลี่ยนมารอที่ เกียร์ 2 และพร้อมที่จะเปลี่ยนไปที่ เกียร์ 1 หรือ เกียร์ 3 ตามสไตล์และการเลือกโหมดให้เกียร์ ทำงานแค่เกียร์อะไร ที่ผมเลือก ให้เกียร์ทำงาน แค่ 1-2-3 เพราะว่า ช่วงที่ต้องการอัตราเร่งแซงของ ดอยแม่สลองแค่นี้ พอเพียง แต่หากว่าเป็น ภูทับเบิก ก็แค่ กดปุ่มที่หัวเกียร์ เพิ่มให้มัน ทำงาน ไปถึง เกียร์ 4 ก็เท่านั้น เพราะด้วยถนน และ เส้นทางของ แต่ละที่นั้น แตกต่างกัน การเลือกโหมด หรือการล็อคให้เกียร์เปลี่ยนแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคุณเอง เป็นผู้กำหนดว่ากันให้เข้าใจง่าย....เหมือนซื้อรถเกียร์ออโต้ แถมเกียร์ธรรมดา
ยังไม่หมดนะครับ ยังมีเรื่องของระบบความปลอดภัยต่างๆ อีก อาทิ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ที่ผมลองแล้ว เออ...ได้จริง แต่ในชีวิตจริงคุณอาจเข้าจอดไม่ทันคนอื่น เพราะระบบกว่าจะวัด กว่าจะเซ็ท มนุษย์ลุง...มนุษย์ป้า เสียบไปแล้วเรียบร้อย แต่ที่น่าทึ่ง คือ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบนี้จะช่วยคุณให้พ้นจากการชนคน ชนรถคันหน้า ไม่ว่าจะเดินตัดหน้า หรือวิ่งตัดหน้ารถก็ตาม
ระบบจะช่วยตรวจจับและเบรกให้ทันที ด้วยกล้องที่ติดอยู่ด้านบนของกระจกบานหน้า และมีเซนเซอร์ทำงานร่วมกัน และสัมพันธ์กับความเร็ว ระบบนี้มีหลายเงื่อนไข แต่ดี เอาเป็นว่ามันจะเบรกให้เอง อัตโนมัติ คน รถยนต์ ถ้าความเร็วไม่เกิน 50 km/h รถจะเบรกจนหยุดสนิท โดยที่ไม่เกิดการชน แต่ถ้าความเร็วสูงกว่านั้น จากหนักก็เป็นเบา ระยะที่เซนเซอร์สามารถตรวจจับได้ 300 เมตร ข้างหน้า และคำนวณ ประมวลผล บอกแล้วว่า ขับรุ่นนี้ปลอดภัยแน่นอน
อ่อ สุนัข หรือ หมาข้างถนนเซนเซอร์ไม่สามารถนะครับ ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นหมา แต่ ถ้ามันต่ำกว่ากันชนหน้า เซนเซอร์ไม่สามารถตรวจจับได้ ก็เท่านั้น
ยาวมากไปแล้ว...! แต่ถ้าคุณอ่านมาถึงตอนจบแบบนี้ คุณอ่านหนังสือเกินค่าเฉลี่ยของคนไทยแล้ว และ ถ้าหากว่าสนใจ New Ford Ranger ผมแนะนำให้ไปทดลองขับ และสอบถามระบบต่างๆที่มีอีกมากมาย (ผมไม่ได้เล่าให้ฟังอีกเยอะ อิอิ)
ก่อนที่จะตัดสินใจเงินอยู่ในกระเป๋า...ยังเป็นของเรา โปรดตัดสินใจด้วยตัวเอง อย่าเพิ่งเชื่อผม ไปทดลองขับ ชอบแล้วค่อยซื้อ ....ส่วนผมอ่ะชอบนะ แต่ไม่มีเงินซื้อ 555