+++EVOLUTION III TEST & SERVICE ควอเตอร์ไมล์ 10 วินาที เมื่อ 10 ปีที่แล้ว +++
แน่นอนว่าบรรดา 4 สูบ ขับ 4 ที่ยังคงถือว่าเป็นยอดนิยมในบ้านเราคงหนีไม่พ้น EVOLUTION ที่ปัจจุบันได้คลอดออกมาถึง 10 รุ่น แต่รุ่นที่ใคร ๆ ก็ยังคงถือว่ามันเป็นที่สุด น่าจะเป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 ด้วยอะไหล่ที่หาง่าย อุปกรณ์ส่งกำลังที่ทนทานมันทำให้กลายมาเป็นตัวเลือกสำหรับการแข่งขัน และคันนี้ก็มาจากอู่ดัง TEST & SERVICE ที่คุ้นหน้าคุ้นตาและสำหรับคันนี้ก็คงเห็นกันบ่อยตามสนามควอเตอร์ไมล์ เพราะรายการไหนก็วิ่งหมด
นาน ๆ ครั้งที่จะเห็น EVO III ในสภาพที่ดูสวยงาม แม้ว่าจะเป็นรถแข่งการใช้สีเหลืองแล้วเน้นลวดลายที่ไม่รก ทำให้รถดูมีค่าและโดดเด่นได้เช่นกัน มันอาจจะลดความสวยงามบ้าง เพราะบอกแล้วว่าเป็น “รถแข่ง” การทำน้ำหนักให้เบาเป็นสิ่งจำเป็น ด้วยประตูไฟเบอร์ฯ ทั้ง 4 บาน ถูกเปลี่ยนแทนของเดิม ช่วยให้น้ำหนักหายได้อย่างต่ำก็สิบกว่ากิโลฯ กันชนหน้าดักลมเพียงช่องเดียว เพื่อเน้นหลักพลศาสตร์จาก GELLAR มันช่วยให้รถดูโหดและดุดันมากกว่าเก่า
ตามสไตล์รถแข่งมันจำเป็นต้องรื้อภายในที่ไม่จำเป็นออก แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่ช่วยให้การเซอร์วิสภายในห้องโดยสารง่ายขึ้น เบาะบั๊กเกตซีทให้คนขับรับรู้อาการรถได้ดี ไม่ได้เพียงแค่สื่อสารระหว่างรถกับคนขับเท่านั้น แต่ช่วยเสริมความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เข็มขัดนิรภัยและโรลบาร์ช่วยลดการบาดเจ็บ และรักษาชีวิตของนักแข่ง
4G63 รหัสนี้ใครที่เป็นสาวก Mitsubishi แล้วบอกว่าไม่รู้จักก็ควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้ว กับเครื่องที่คว้าแชมป์ในแบบแรลลี่แล้วไม่รู้กี่สนาม มันได้ถูกปรับเปลี่ยนมาให้เหมาะกับการแข่ง Drag ด้วยเครื่องยนต์ที่ต้องการพละกำลังที่มาก การจุดระเบิดที่รุนแรงจำเป็นต้องใช้ลูกสูบฟอร์จของ CP Piston พร้อมเพิ่มความจุด้วยการใช้ลูกสูบโอเวอร์ไซด์อีก 1 มม. กันการคดงอของก้านสูบด้วยการเปลี่ยนใช้ของ EAGLE ที่เหลือในเครื่องยนต์บรรดาข้อเหวี่ยงหรือชุดชาฟท์ก็ยังคงทนความแรงในระดับนี้ได้
หมดกับเรื่องความทนทานทีนี้ก็มาถึงจุดสำคัญ นั่นก็คือ “ไอดี” ซึ่งจำเป็นมาก หากทางเดินอากาศไม่ดีความแรงก็จะน้อยตาม แคมชาฟต์ที่คอยเปิดปิดวาล์วถูกเปลี่ยนใหม่ให้มีองศา 280 ระยะยก 10.5 ด้วยองศาและระยะยกขนาดนี้สปริงวาล์วก็จำเป็นมากเพราะในรอบสูงแน่นอนว่าจะต้องมีอาการวาล์วลอยอย่างแน่นอน ซึ่งปัญหาตรงนี้ถูกตัดทิ้งไปด้วยการเปลี่ยนสปริงวาล์วและรีเทนเนอร์ของ TEST & SERVICE การเชื่อมต่อระหว่างฝาสูบและเสื้อสูบก็เป็นปะเก็นหนา 1.2 มิล ของ TEST & SERVICE เช่นกัน
มาถึงอุปกรณ์สำคัญอีกหนึ่งชิ้น นั่นก็คือเทอร์โบที่คอยปั่นอากาศเข้าเครื่อง แม้เทอร์โบเดิมสร้างแรงดันอากาศได้สูงก็จริง แต่มวลก็ยังน้อยหากเทียบกับเทอร์โบ GT45 ที่ถูกแทนที่ ท่อทางเดินอากาศต่าง ๆ ถูกจัดสรรด้วยความประณีตจากฝีมือช่างไทย นั่นคือร้าน “บางมดเรซซิ่ง” และก่อนเข้าสู่เครื่องก็ต้องผ่านการควบคุมจากลิ้นปีกผีเสื้อของ VH45DE ที่มีขนาดใหญ่และราคาถูก กลายเป็นสิ่งควบคู่กัน หากเพิ่มอากาศก็ต้องเพิ่มน้ำมันตาม น่าเสียดายที่คันนี้ไม่ใช่รถที่สามารถใช้งานตามท้องถนนแล้ว ถังน้ำมันขนาด 15 ลิตรได้ถูกแทนที่ถังเดิม ปั๊ม BOSCH 044 สองตัวเป็นตัวส่งน้ำมันไปยังรางหัวฉีดที่พร้อมจะพ่นน้ำมันไปผสมกับอากาศด้วยหัวฉีดขนาด 1,000 ซีซี ควบคุมระบบการจ่ายน้ำมันและการจุดระเบิดด้วยกล่อง MOTEC M4 Pro ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดกล่องในสมัยนั้น
ตะกุยตะกายด้วยเกียร์เดิม แรงม้าที่เพิ่มต้องหันไปหาชุดคลัตช์ที่สามารถส่งกำลังได้อยู่หมัด ซึ่งชุดคลัทช์ที่นำมาใส่ก็เป็นของ HKS ยกชุด การปรับแต่งชุดช่วงล่างไม่ว่าจะช็อคอัพและรวมไปถึงองศามุมล้อ จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการควอเตอร์ไมล์ เพราะการออกตัวที่รุนแรงแล้วต้องรวดเร็วมันไม่ใช่แค่พึ่งยางที่เหนียวอย่างเดียว ช็อคอัพที่ถูกคำนวณความหนืดมาอย่างดีจากทางสำนัก TEST & SERVICE ได้มอบหมายให้ร้านมิสเตอร์ช็อคอัพเป็นผู้เช็ตค่าให้ตามต้องการ ซึ่งรวมไปถึงองศาและมุมล้อด้วย ยางที่ใช้ในการแข่งก็คือ HOOSIER
อัตราการบูสต์สำหรับคันนี้อยู่ที่ 1.7 บาร์ มันอาจไม่มากมายนักหากเทียบกับคันอื่น ๆ ที่พยายามเค้นให้ได้แรงม้ามาก ๆ ไว้ก่อน เรื่องการออกตัวไว้ทีหลัง ซึ่งถ้าหากเป็น TEST & SERVICE คิดตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง การเลือกของที่เหมาะสมกับราคาและคุณภาพ อีกทั้งยังคิดในเรื่องการเซ็ทช่วงล่างเสียมากกว่า มันทำให้ EVO III จาก TEST & SERVICE ทำเวลาควอเตอร์ไมล์ไว้ที่ 10.4 วินาที และยังไม่ได้หั่นหรือเฉือนรถให้เสียตัวถังด้วย