บทสรุปปาฐกถา“Roadmap ไทยขับเคลื่อนEV” โดยนายสุริยะจึงรุ่งเรืองกิจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ภาครัฐให้ความสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าและกระตุ้นให้คนไทยเห็นถึงความสำคัญความจำเป็นและประโยชน์จากการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการลดมลพิษในอากาศในระยะยาวซึ่งประเด็นการปล่อยมลพิษของรถยนต์สันดาปภายในถือเป็นตัวเร่งให้เกิดการพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือก
ปัจจุบันมียานยนต์จำหน่ายทั่วโลกรวมกันกว่า1,200 ล้านคันย่อมก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศที่มากขึ้นดังนั้นรัฐบาลประเทศต่างๆจึงได้มีการออกมาตรการที่เข้มงวดในเรื่องระบบท่อไอเสียรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีให้รองรับการใช้ทั้งเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด(Hybrid Electric Vehicle : HEV) ยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน(Plug-in Hybrid Electric Vehicle : PHEV) รวมทั้งยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่(Battery Electric Vehicle : BEV) รวมถึงการออกนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ประเภทนี้
สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญโดยในปีค.ศ. 2019 มีการผลิตอยู่ในอันดับที่11 ของโลกและอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ถือเป็น1 ใน12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย(S-Curve) ที่มีศักยภาพและมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศรัฐบาลไทยได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติและมีการบูรณาการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยการประชุมครั้งที่1 ได้มีการเห็นชอบแผน30@30 โดยปีค.ศ. 2030 จะผลิตยานยนต์ไฟฟ้า30% ของการผลิตรถยนต์ในไทยโดยแบ่งการทำงานเป็น 3 ระยะคือ
• ระยะสั้น(2020-2022) ผลิตรถสำหรับรถราชการรถสาธารณะรถจักรยานยนต์สาธารณะ60,000-110,000 คัน
• ระยะกลาง(2021-2025) จะผลักดันECO EV จำนวน100,000-250,000 คันและผลักดันสมาร์ทซิตี้บัสจำนวน300,000 คัน
• ระยะยาว(2026-2030) ให้มีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าประมาณ750,000 คัน
ด้านโครงสร้างพื้นฐานได้รองรับการส่งเสริมสถานีอัดประจุไฟฟ้าโดยใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบคงที่2.63 บาท ต่อหน่วยและตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะภายในรัศมี50-70 กิโลเมตรซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐและภาคเอกชนมีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่องสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในอนาคตอันใกล้
มร. จางไห่โปกรรมการผู้จัดการบริษัทเอสเอไอซีมอเตอร์-ซีพีจำกัดและบริษัทเอ็มจีเซลส์(ประเทศไทย) จำกัด
• นิยามของNew Generation of Automotive ในมุมของเอ็มจีประกอบด้วย3 ประเด็นสำคัญคือระบบอิเล็กทรอนิกส์ระบบไร้คนขับและพลังงานทางเลือกสำหรับSAIC Motor ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเอ็มจีถือเป็นหนึ่งในผู้นำทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าลำดับต้นๆของโลกที่พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
• สำหรับประเทศไทยเราทำตลาดด้วยแบรนด์เอ็มจีโดยเราถือเป็นผู้จุดประกายให้เกิดกระแสยานยนต์ไฟฟ้าในสังคมไทยด้วยการเปิดตัวMG ZS EVที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า100% ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ด้วยคอนเซ็ปต์“EASY” ที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายดูแลรักษาได้ง่ายใช้งานได้ง่ายเมื่อปีที่ผ่านมา
• และในปีนี้เอ็มจีได้เดินหน้าสร้างระบบนิเวศรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องด้วยการลงทุนติดตั้งจุดชาร์จในรูปแบบDC โดยภายในปีนี้จะมีจุดชาร์จจำนวน100 แห่งในโชว์รูมและศูนย์บริการเอ็มจีทั่วประเทศและวางแผนในการขยายจุดชาร์จเพิ่มอีก1 เท่าตัวภายในปีหน้าส่วนแผนงานในระยะที่2 ในการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จให้มากขึ้นจะเลือกสถานีที่อยู่เส้นทางหลักตามทางหลวงและแผนงานในระยะที่3 จะเพิ่มสถานีชาร์จที่ศูนย์การค้าออฟฟิศหมู่บ้านที่พักอาศัยนอกจากนี้ยังมีแผนนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่รวมทั้งรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริดเข้ามาทำตลาดอีกด้วยโดยเอ็มจีมุ่งหวังให้เกิดการบูรณาการและพร้อมที่จะสนับสนุนความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สังคมยานยนต์ไฟฟ้าไทยเติบโตมากขึ้นพร้อมนำเสนอให้รัฐบาลช่วยผลักดันเรื่องสิทธิพิเศษด้านภาษีหรือการลงทุนรวมถึงการมอบสิทธิพิเศษให้กับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น